เงินลงทุนก็ส่วนเงินลงทุน เงินใช้จ่ายก็ส่วนเงินใช้จ่าย เงินสดเพื่อสภาพคล่องก็ส่วนเงินสด โดยหลักการบริหารเงินแล้ว เราไม่ควรจะเอาเงินที่เรามีแต่ละจุดประสงค์มาปนกัน ลองนึกถึงคนที่วางแผนตั้งใจเก็บเงินไว้แต่งงาน แต่สุดท้ายดันเอาเงินไปลงทุนทำอะไรบางอย่างที่คนสนิทชวน สมมติว่ามันดันกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ อนาคตคุณที่ตั้งใจจะเก็บเงินขอใครสักคนแต่งงานมันก็จะพังทันที ทำให้ต้องเสียเวลาเก็บเงินใหม่ หรือนำพาไปสู่การทะเลาะกับคนใกล้ตัวได้ ในทางกลับกัน บางคนตั้งใจจะเอาเงินมาเรียนรู้การสร้างรายได้ หรือลงทุนสร้างสินทรัพย์ให้งอกเงย ไปๆ มาๆ พอสถานการณ์บ้านเมืองเกิดแย่ บริษัทลดพนักงาน ดันเปลี่ยนเป้าหมายเป็นขอเก็บเงินไว้เซฟๆ หรือเผื่อฉุกเฉิน ไม่เอาไปทำอะไรเสี่ยงๆดีกว่า สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น แปลว่าตัวคุณยังบริหารเงินยังไม่ดีพอ ที่จะตอบโจทย์ระยะสั้น กลาง ยาวของชีวิตได้ ขณะที่คุณบอกว่าอยากลงทุนให้เงินเติบโต นั่นหมายถึงเงินเย็นในระยะยาว แต่พอเกิดวิกฤต จากเงินเย็นกลายเป็นเงินร้อน แบบนี้ถือว่า ❌ ผิดหลักการมากๆ นั่นแปลว่าเงินคุณยังไม่เย็นพอจะเอาไปสร้างอะไร ถ้าวันนี้บอกว่าจะให้ทำยังไงในเมื่อรายได้น้อย ค่าใช้จ่ายเยอะ แถมต้องส่งเงินให้พ่อแม่พี่ป้าน้าอา.. สิ่งแรกคือต้องเริ่มเรียนรู้มันสักอย่างก่อน เริ่มจากที่เราชอบและถูกชะตา เพื่อให้มีช่องทางรายได้เพิ่มขึ้น ยังไม่เก่งก็ฝึกสกิลให้เก่ง เลิกข้ออ้างเรื่องไม่มีเวลา ไม่มีเงิน อายุมาก อายุน้อย หรือรอพร้อมก่อน เพราะคำพูดเหล่านี้ไม่เคยทำให้ชีวิตใครดีขึ้น.. สิ่งที่จะทำให้ดีขึ้น คือทำตอนนี้...